วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ครึ่งปีผ่านไป ไวเหมือนโกหก

ไม่อยากเชื่อ ว่าเรามาอยู่บราซิลครบ 6 เดือนแล้ว เวลามันช่างผ่านไปเร็วเสียจริงๆ ตอนแรกคิดว่าอยู่บ้านว่างๆ ไม่ค่อยมีอะไรทำ จะทำให้เวลาเดินช้า แต่จริงๆ แล้ว วันๆ นึงหมดไปเร็วมาก

ตอนนี้ภาษาเราเริ่มพัฒนาจาก 0 กลายเป็น 3 ฮะๆๆ ไม่ได้ต่างจาก 0 สักเท่าไหร่ แต่พนักงานร้านขายของที่จำเราได้ตั้งแต่ตอนมาใหม่ๆ บอกว่า "ฉันจำเธอได้ ครั้งแรกที่เธอมาร้านฉัน เธอพูดไม่ได้เลย แต่ตอนนี้พูดได้แล้ว" พอเราได้ยิน ก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย เออ.. เราพัฒนาแฮะ ถึงจะช้าๆ แต่ก็ดีกว่าพูดไม่ได้เลย

ภาษาบราซิลเลี่ยน โปรตุกีสนั้น ต่างจาก ภาษาโปรตุกีส แท้ๆ อยู่มากทีเดียว กาเบรียลบอกว่า ภาษาโปรตุกีสแท้ๆ พูดยาก ฟังยากกว่านี้มาก ไอเราคิดในใจ "ตายหละ... ขนาดบราซิลเลี่ยน โปรตุกีส ยังยากขนาดนี้ แล้วภาษาโปรตุกีสแท้ๆ มันจะขนาดไหนเนี่ย" เราเองก็ไม่ได้ไปโรงเรียน เรียนเป็นเรื่องเป็นราว อาศัยดูหนัง ดูละคร แล้วเรียนเองจาก โปรแกรม Rosetta Stone เลยค่อยๆ เขยิบจาก 0 มาเป็น 3 ในเวลา 6เดือน :)

ตอนนี้อากาศหนาวมาก (หนาวสุด บางคืนก็ 8-9'C) ไอเราคนไทย เจอแค่ 15'C ก็ใส่รองเท้าบูธถึงหัวเข่า และสวมเสื้อ jacket อย่างหนาแล้ว แต่บางวันอากาศก็เพี้ยนจัด เช้ามา 15'C กลางวันแดดออก พุ่งไป 30'C พอเย็นหน่อย กลับมาเย็นอีก 20'C แล้วนี่จะแต่งตัวยังไงออกจากบ้านเนี่ย O.o" งงนะ

ส่วนเรื่องอาหารการกิน ถือว่าสมบูรณ์มาก เพราะเครื่องปรุุงหลักของไทยมีให้ซื้อมากมาย เผลอๆ ที่เราซื้อมาแล้ว จะเยอะเกินไปด้วย ที่คิดถึงมากที่สุดน่าจะเป็นอาหารที่ทำยากๆ พวกต้มเลือดหมู หรือเย็นตาโฟ (อยู่ไทยไม่เคยทำนะ ซื้อกินง่ายกว่า ถูกด้วย) ใครจะไปคิดว่าวันนึงจะอยากกิน แล้วต้องหาวิธีทำเอง -*-

สรุปเมนูที่กินบ่อยๆ กินแล้วกินอีก และไม่เบื่อ ก็จะเป็น ต้มยำทั้งหลายแหล่ ยำ ลาบ ส้มตำ ผัดเผ็ด ผัดกะเพรา เมนูผัดๆ ทั้งหลาย ต้มจับฉ่าย แกงกะทิทั้งหลาย (พึ่งเครื่องแกง) และน้ำพริกกะปิ.. เมนูหลังนี่ ทำกินตอนกาเบรียลไม่อยู่เท่านั้น เพราะคุณสามีไม่สามารถทนกลิ่นหอม อันรุนแรงได้ ฮะๆๆ

ถ้าถามว่าคิดถึงบ้านรึปล่าว ก็จะบอกว่าคิดถึงครอบครัว พ่อแม่ มะตูม มะเหมี่ยว แต่ก็ไม่ถึงขนาด homesick เพราะโทรศัพท์หากันแทบทุกวัน.. บางครั้งโทรฯ จนแม่รับแล้วพูดว่า "ว่าไงลูก... มีอะไรรึปล่าว" ฮึมมมมมม! สงสัยจะโทรฯบ่อยไป เลยเว้นระยะ 2-3 วันโทรฯที ที่จริงทุกครั้งที่โทร ก็คุยไม่เกิน 5นาที เพราะแม่ติดละครเกาหลี หรือไม่ก็กินข้าวอยู่ ^^'

แต่ที่จะคิดถึงมากที่สุด ก็คือความสะดวกสบายในการกิน การอยู่ที่บ้านเรา เพราะอยู่เมืองไทย เดินไป 100 เมตร ก็ถึงเพิงส้มตำ นั่งสองแถวไป 7บาท ก็ถึงตลาดนัดอันใหญ่โต หรืออยากดูหนัง ราคาตั๋วอย่างมากก็ 180 บาท จะไปไหนมาไหน รถตู้ รถเมย์ รถไฟฟ้า รถแท็กซี่ มีให้เลือกมากมาย แล้วราคาก็ไม่แพง

ที่บราซิล จะกินอะไรนอกบ้านที.. คิดที่1. ถ้าจะกินข้าว หรือไปไหนนอกบ้าน ค่า taxi เท่าไหร่ (ต่ำๆ ก็ 15R$ = 300THB) เดินไปได้มั๊ย ถ้าเดินไปไม่เกิน 30นาที เออ.. เดินดีกว่า คิดที่2. ร้านอาหารที่จะไปกินเท่าไหร่ บัฟเฟห์ราคานี้ คุ้มมั๊ย (ปกติ ราวๆ 35-50R$ = 700-1,000 THB) หรือกินแบบชั่งกิโล ก็จะถูกหน่อย (ตกมื้อละ 15R$ = 300 THB) คิดที่3. จะไปดูหนัง ราคาปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30R$ = 600THB (แพงเหลือเกิน) วันพุธถูกกว่า (23R$ = 460THB) งั้นรอไปวันพุธ เฮ้อ.. คิดถึงเมืองไทยจริงๆ

ไม่มีความคิดเห็น: